Home / คลับสุขภาพ / เสน่ห์ “กีฬายิงธนู” สง่างาม ช่วยฝึกสมาธิ

เสน่ห์ “กีฬายิงธนู” สง่างาม ช่วยฝึกสมาธิ

เสน่ห์ “กีฬายิงธนู” สง่างาม ช่วยฝึกสมาธิ

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากที่มีปืนมาแทนธนูแล้ว ในทวีปยุโรปพวกนักแสวงบุญและผู้บุกเบิกได้หันมาใช้ปืนแทนธนู และพวกเขาพบว่าพวกอินเดียนแดงใช้ธนูมาเป็นเวลาร้อยๆ ปี รวมทั้งนักล่าสัตว์รุ่นดึกดำบรรพ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

ต่อมาการยิงธนูได้กลายเป็นกีฬา ซึ่งพบได้จากสมาคมของพวกเจ้านายอังกฤษตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2333 และจัดให้มีการแข่งขันยิงธนู ต่อมาในปี พ.ศ. 2387 สมาคมแห่งชาติอังกฤษ (The Grand National Organization) จัดให้มีการแข่งขันยิงธนูในประเทศอังกฤษ ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกาจัดการแข่งขันขึ้น ณ เมืองชิคาโกในปี พ.ศ. 2422 และจัดการแข่งขันกีฬายิงธนูระหว่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองเลโคเควท ประเทศฝรั่งเศส เมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

การยิงธนูได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในการยิงธนูเพื่อการสันทนาการวิธีของ Clout เป็นการยิงเป้าโดยมีระยะทางบอกไว้บนพื้นสนาม เพื่อการทดสอบพลัง ทักษะ และความแม่นยำในการยิง การยิงเพื่อระยะทางก็เป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมากเช่นกัน โดยยึดหลักการยิงไกลเป็นเกณฑ์ นอกจากนี้ยังมีเกมที่ดึงดูดใจหลายอย่าง เช่น การยิงลูกบอลลูนของ Ainsworth และเกมการล่ากระต่าย เป็นต้น

Field Archery เป็นแบบการยิงธนูชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเทคนิคที่ใช้สัญชาตญาณในการยิงความแม่นมาจากการยิงครั้งแรก แม้ว่าครั้งหลังๆ จะไม่ค่อยดี แต่กลับจะทำให้มีการพัฒนาโดยการยิงเล็งเป้าขึ้น ในการล่าสัตว์ที่โล่งๆ สัญชาตญาณเป็นสิ่งจำเป็น และความแม่นก็จะตามมา

>> กีฬายิงธนูไทย <<

ตามประวัติศาสตร์ชาติไทย เกือบจะไม่มีหลักฐานกล่าวถึงเรื่องการใช้ธนูแต่อย่างใด ทั้งการใช้ธนูในด้านอาวุธและทางด้านการกีฬา จะมีรู้กันอยู่บ้างก็กล่าวถึงในวรรณกรรม เช่น ธนูในพุทธประวัติ ธนูพระรามในรามเกียรติ์ เกาทัณฑ์ในสามก๊ก ยิ่งมาในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ยิ่งขาดการพาดพิงถึงกิจกรรมธนูเท่าใดนัก

จริงอยู่ใคร ๆ ก็รู้จักธนูกันทั่วไป แต่ธนูที่รู้จักกันนั้นไม่ผิดอะไรกับปืนเถื่อนของชาวบ้าน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับปืนชั้นดี สมัยใหม่ ธนูที่ชาวไทยรู้จักเป็นส่วนใหญ่ไม่ผิดอะไรมากนักกับธนูเด็กเล่น คือเหลาไม้ไผ่แล้วนำมาโก่งขึงสายก็นับว่าเป็นคันธนู ลูกธนูก็เหลาไม้ปลายแหลม แล้วเอาขนนกมาติดหาง หรือชนกลุ่มน้อยบางเผ่าในประเทศไทยอาจใช้ใบไม้บางชนิดมาทำหางลูกธนูก็เป็น เพียงลูกธนูชาวบ้านชาวป่า

เรามาเริ่มรู้จักกิจกรรมธนูดีขึ้นก็เพียง 25 – 30 ปีที่ผ่านมานี่เอง โดยมีบริษัทค้าเครื่องกีฬาได้สั่งธนูซึ่งทำด้วยไม้ไผ่มา ขาย ถึงแม้เป็นธนูไม้ไผ่แต่ก็มีกรรมวิธีประดิษฐ์หรือมีเทคโนโลยีการผลิตดี เป็นก้าวแรกที่ทำให้คนไทยพอจะแยกออกถึงธนูที่เป็นอาวุธโดยตรงและธนูที่ทำ ขึ้นเพื่อการกีฬาโดยเฉพาะ

จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2510 นี่เอง กีฬายิงธนูของไทยก็เริ่มก่อตั้งขึ้นอย่างจริงจัง โดยการมองเห็นการณ์ไกลของนักกีฬายิงปืนสองสามคน เห็นกีฬายิงธนูมีความใกล้เคียงและจะต้องมีความละเอียดอ่อนในกิจกรรมคล้าย กีฬายิงปืน ในต่างประเทศก็นิยมกีฬายิงธนูถึงขนาดมีการจัดการแข่งขันระดับโลก ประเทศใกล้เคียงกับประเทศไทยเราก็มีสมาคมกีฬายิงธนูกันบ้างแล้วนักยิงปืน เหล่านั้นจึงมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะสร้างกีฬายิงธนูให้เป็นที่นิยมขึ้นใน ประเทศไทย

จากนั้นก็เริ่มศึกษาหาหลักฐานทั้งปวงที่เป็นมาตรฐานเกี่ยวกับธนูให้เป็นที่ ถ่องแท้ แต่ขณะนั้นยังไม่มีสนามยิงธนูโดยเฉพาะ และต้องขออนุญาตใช้สนามยิงปืนของกรมการรักษาดินแดนเป็นที่เริ่มทดลองฝึกยิง ธนูโดยได้รับการสนับสนุนจากท่านเจ้ากรมการรักษาดินแดนขณะนั้นเป็นอย่างดี

กาลแห่งฤกษ์งามยามดีของวงการกีฬายิงธนูของประเทศไทยก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2512 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ซึ่งเสด็จมายังกรมการรักษาดินแดน และได้เสด็จมาทรงธนูในวโรกาสนั้นด้วย

ด้วยบารมีล้นพ้น บันดาลให้ความนิยมในกีฬายิงธนูแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วแล้วสนามยิงธนูย่อม ๆ ก็เกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย จากนั้นก็เริ่มมีการแสวงหาธนูมาตรฐานสากลมาเล่นกันหลายท่านจนสามารถจัดการ แข่งขันประลองฝีมือกันได้ ทั้งระหว่างนักธนูไทยและกับนักธนูต่างประเทศ การยิงธนูของประเทศไทยจึงเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 วงการกีฬายิงธนูของไทยก็ได้รับอนุญาตเป็นทางการให้เป็นสมาคมกีฬาใช้ชื่อว่า “สมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย” มีชื่อเป็นสากลว่า “NATIONAL ARCHERY ASSOCIATION OF THAILAND” ใช้ตัวย่อ ส.ธ.ท. และ N.A.A.T. มีสำนักงานของสมาคมอยู่ที่กรมการรักษาดินแดน มีสนามฝึกยิงอยู่ที่ชั้นล่างยิมเนเซี่ยม 1 ในสนามกีฬาแห่งชาติ

ถ้าพูดถึงคำว่า “ยิงธนู” หลายๆท่านก็คงนึกไปถึง คิวปิด โรบินฮูด ไม่ก็เอลฟ์หนุ่มในเรื่อง The lord of the ring กันใช่ไหมคะ คงไม่มีใครไม่รู้จักการยิงธนู แต่จะมีซักกี่คนกันที่รู้ว่าการยิงธนูนั้นก็จัดเป็นกีฬาประเภทหนึ่งด้วย หลายๆปีที่ผ่านมากีฬาชนิดนี้อาจไม่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากนัก แต่เชื่อได้เลยค่ะว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบ หลายๆท่านจะต้องเปลี่ยนความคิดและหันมาสนใจการยิงธนูเป็นแน่ ไม่รอช้าเรามาดูกันดีกว่าว่านอกจากการยิงธนูจะดูเท่ห์แล้วนั้น ยังมีประโยชน์อย่างไรอีกบ้าง

ประโยชน์ของการยิงธนู

  1. ฝึกสมาธิ ขั้นตอนแรกของการฝึกยิงธนูคือการฝึกสมาธิ เริ่มต้นด้วยการผ่อนคลาย ทำจิตใจให้สงบ และฝึกหายใจอย่างช้าๆ แล้วตั้งสมาธิไปที่เป้ายิง เรียกได้ว่าจะยิงได้แม่นขนาดไหนก็วัดกันที่ตรงนี้เลย
  2. ปอดแข็งแรง ระหว่างการเล็งเป้ายิงนั้นจะต้องควบคุมการหายใจ การฝึกยิงบ่อยๆจึงช่วยบริหารปอด เพิ่มปริมาณการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนในร่างกาย
  3. กระตุ้นหัวใจ การยิงธนูเป็นกีฬาที่ออกแรงใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน ดังนั้นหัวใจจึงต้องเพิ่มการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
  4. เพิ่มการเผาผลาญ การเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการปรับการหายใจ การออกแรงกล้ามเนื้อและการสูบฉีดเลือดในร่างกายที่มากขึ้น
  5. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อไหล่และหลัง การยิงธนูเป็นทั้งการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ การยิงธนูอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไหล่ แขน หน้าอก ท้องและหลังได้
  6. เสริมสร้างความมั่นใจ นอกจากการยิงธนูจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพในด้านต่างๆแล้ว ยังช่วยปรับบุคลิกภาพการยืนและการเดินได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการยิงธนู มีอยู่ 7ประการ

1) ห้ามดึงสาย และปล่อยสาย โดยที่ไม่มีลูกธนูเด็ดขาด เพราะจะทำให้คันธนูหรือ limb เสียหายได้

2) ก่อนทำการยิงธนู ก็ตรวจเช็คอุปกรณ์เสียก่อน ว่าทุกอย่างลอคแน่นดีมั้ย มีตรงไหนหลวมหรือเปล่า สายธนูยังมีสภาพดีหรือเปล่า เปื่อยยุ่ยหรือยัง

3) เวลายิงธนูให้ยินคร่อมเส้น shooting line เสมอ ห้ามยืนหลังเส้น หรือเกินเส้น ส่วนคนดู ก็ต้องดูอยู่ที่หลัง shooting line เสมอ ห้ามเดินเล่นหริอเดินไปมาหน้าเส้น shooting line

4) เมื่อยิงธนูให้ยิงไปที่เป้าข้างหน้าเท่านั้น ห้ามยิงไปที่เป้าด้านซ้ายหรือขวา หรือเล็งธนูไปที่อื่นนอกเหนือจากเป้า ก็ห้าม

5) ก่อนทำการยิงธนู ให้เช็คดูสักนิดว่า ทุกคนเก็บลูกธนูและกลับเข้ามาใน shooting line ครบกันทุกคนแล้ว

6) หากยิงธนูกันเองในสถานที่ส่วนตัว สถานที่นั้นจะต้องเป็นพื้นที่โล่งจริงๆ ปราศจากผู้คนเดินไปเดินมา แม้ด้านหลังของเป้าธนู ก็ควรเป็นพื้นที่โล่งที่ไม่มีผู้คน ไม่งั้นก็ต้องมีกำแพงสูงหนากั้นไว้

7) ถ้าเป็นเด็กเล็กมากๆ เช่นเด็กประถมยิงธนู ก็ควรจะมีผู้ใหญ่ดูแล

เสน่ห์ "กีฬายิงธนู" สง่างาม ช่วยฝึกสมาธิ

มายิงธนูกันเถอะ

มาถึงตอนนี้หากผู้อ่านท่านใดสนใจกีฬาชนิดนี้ก็ควรเริ่มต้นด้วยการไปสมัครเรียนเบื้องต้นตามโรงเรียนสอนยิงธนูต่างๆ เพื่อเรียนรู้วิธีการยิงที่ถูกต้องและปลอดภัย สำหรับอุปกรณ์แบบครบชุดสำหรับผู้ที่ต้องการยิงเพื่อฝึกสมาธิและออกกำลังกาย ก็มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณห้าถึงหกพันบาทเท่านั้น

ที่มา : https://rositacorrer.com/

About aujchara.to

Check Also

เดลิเวอรียุคโควิด กินอย่างไรให้ได้สุขภาพ

                …

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *